การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ (IVF: In-vitro Fertilization) เป็นวิธีการปฏิสนธิภายนอกร่างกายที่คนมีลูกยากนิยมใช้กันมาตลอด 40 ปี โดยจะนำไข่และอสุจิมาผสมกันด้วยวิธีการทางห้องแล็ป แล้วค่อยนำตัวอ่อนที่ได้กลับเข้าไปในมดลูก เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ตามกระบวนการทางธรรมชาติ
ย้อนประวัติการทำเด็กหลอดแก้ว
การทำเด็กหลอดแก้วสำเร็จเป็นครั้งแรกในโลกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2521 ในโรงพยาบาล Royal Oldham Hospital เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ และหลังจากนั้นประมาณ 9 ปี ประเทศไทยและทวีปเอเชียก็มีเด็กหลอดแก้วคนแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2530 ซึ่งการทำเด็กหลอดแก้วถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น ครอบครัวที่มีลูกยากจึงนิยมทำกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ข้อบกพร่องของการทำเด็กหลอดแก้ว
ถึงแม้ 40 ปีที่แล้ว การทำเด็กหลอดแก้วจะเป็นเรื่องที่ทันสมัย แต่ต้องยอมรับว่ามีข้อด้อยอยู่ คือ
- โอกาสตั้งครรภ์ไม่สูงมาก เพราะเซลล์ไข่และตัวอสุจิหลายตัวจะถูกนำไปวางผสมกันในจานเพาะเลี้ยง โดยปล่อยให้ตัวอสุจิว่ายเข้ามาผสมกับเซลล์ไข่เองตามธรรมชาติ ดังนั้นอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถทำการปฏิสนธิกับไข่ได้ หากไม่มีอสุจิแข็งแรงเลย การปฏิสนธิย่อมไม่เกิดขึ้น
- รังไข่บวมเพราะได้รับฮอร์โมนกระตุ้นมากเกินไป
- ตั้งครรภ์นอกมดลูก เพราะตัวอ่อนที่นำกลับเข้าไปมีการเจริญเติบโตผิดตำแหน่ง เป็นเหตุให้ต้องยุติการตั้งครรภ์ทันที
- เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด ทารกอาจมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์หรือเสี่ยงมีโรคแทรกซ้อน
- มีโอกาสตั้งครรภ์แฝด ซึ่งเป็นหนึ่งในภาวะครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง อาจคลอดก่อนกำหนด หรือเกิดการแท้งได้
นวัตกรรมที่สมบูรณ์กว่าการทำเด็กหลอดแก้ว
ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าขึ้น จึงเกิดนวัตกรรมใหม่ที่สมบูรณ์แบบกว่าและเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่าการทำเด็กหลอดแก้ว เรียกว่า “อิ๊กซี่” (ICSI: Intracytoplasmic Sperm Injection) โดยเป็นการคัดเชื้ออสุจิที่แข็งแรงและมี DNA สมบูรณ์พร้อมกับการปฏิสนธิเพียงตัวเดียว ด้วยเทคโนโลยีคัดอสุจิด้วยกล้องกำลังขยายสูง หรือ IMSI (Intracytoplasmic Morphologically Selected Sperm Injection) แล้วใช้เข็มแก้วที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็กเจาะเปลือกไข่เข้าไป และฉีดตัวเชื้อเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรงผ่านกล้องจุลทรรศน์
สำหรับการกระตุ้นไข่ก่อนทำ ICSI นั้น เพศหญิงจะได้รับการกระตุ้นไข่ประมาณ 9 – 14 วัน เพื่อให้ได้เซลล์ไข่หลายใบและมีคุณภาพดี โดยแพทย์จะทำการเก็บไข่ออกมาแล้วย้ายไปใส่ในเครื่องมือพิเศษสำหรับเลี้ยงตัวอ่อน ซึ่งเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเซลล์ไข่ หลังจากจะปล่อยให้ไข่ได้เจริญเติบโตต่อจนถึงระยะเวลาที่เหมาะสม ถึงจะนำไข่เหล่านั้นมาผสมกับอสุจิที่ผ่านการเตรียมและคัดแยกเฉพาะอสุจิที่สมบูรณ์ จากนั้นนำมาเก็บไว้ในเครื่องมือพิเศษสำหรับเลี้ยงตัวอ่อนเพื่อปล่อยให้อสุจิได้ปฏิสนธิกับไข่ และทำการตรวจผลการปฏิสนธิหลังจากนั้นประมาณ 16 – 18 ชั่วโมง
การทำเด็กหลอดแก้วและ ICSI เหมาะกับใคร
อย่างไรก็ตาม แม้การทำเด็กหลอดแก้วและ ICSI จะมีวิธีการต่างกัน แต่คุณสมบัติของผู้ที่จะทำได้ไม่ต่างกัน นั่นคือ
- ฝ่ายหญิงที่มีความผิดปกติของท่อนำไข่
- ฝ่ายหญิงที่มีภาวะตกไข่ผิดปกติ
- ฝ่ายหญิงที่มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือมีพังผืดในอุ้งเชิงกรานมาก
- ฝ่ายชายที่อยู่ในภาวะมีบุตรยาก มีเชื้ออสุจิน้อยหรือคุณภาพไม่ดี
- ผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
- ผู้ที่อยู่ในภาวะมีบุตรยากแบบไม่ทราบสาเหตุ
ซึ่งความสำเร็จขึ้นอยู่กับอายุและสาเหตุของการมีบุตรยากของฝ่ายหญิงและชาย
ตัดสินใจทำวันนี้ที่ “เจตนิน”
ผู้ที่มีลูกยากแต่ไม่ยอมแพ้ที่จะมีลูก สามารถขอรับคำปรึกษาได้ฟรีที่ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากเจตนิน โทร 02 – 655 5300 หรืออีเมล info@jetanin.com ที่นี่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากถึง 9 ท่าน พร้อมมีห้องปฏิบัติการเฉพาะทางสุดทันสมัยตามมาตรฐานสากลไว้ค่อยให้บริการอย่างครบครัน